ตู้ปันสุข จากโปรเจกต์แบ่งปันความช่วยเหลือ แบ่งของกินของใช้ สุดท้ายกลายเป็นดราม่า ล่าสุดมีคนเผยคลิป คนรุมทึ้งแย่งของในตู้ อีกคนเผยประสบการณ์สยอง โดนเกาะรั้วบ้านตะโกนถาม ของจะมาเมื่อไร พอไม่ได้ของก็โมโหตะโกนด่า ทำเอาท้อใจ จะแบ่งปันต่อ หรือพอแค่นี้
จากกรณีที่มีการตั้งโปรเจกต์ ตู้ปันสุข ตั้งตู้กับข้าวไว้กลางสถานที่สาธารณะ เพื่อให้คนที่มีอาหาร เอาของมาแบ่งกันกินกันใช้ และให้คนที่มีความต้องการอาหาร สามารถหยิบอาหารไปได้แต่พอดี ซึ่งปรากฏว่าโปรเจกต์นี้ ได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมกันล้นหลาม
ทว่า กลับเกิดดราม่าตามมา เมื่อล่าสุด 12 พฤษภาคม 2563 เฟซบุ๊ก Akarapong Wangphaisal ได้เผยให้เห็นดราม่าตู้ปันสุข ที่มีคนไปรุมทึ้งเอาอาหารข้างในแบบเกลี้ยงตู้ โดยไม่คำนึงถึงหลักการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งคนที่ไปรุมเอานั้น มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก หลายคนเอาถุงพลาสติกมาห่อเอาไว้ บางคนได้ของออกไปจากตู้แล้ว ็มีกันยื้อแย่งกับคนที่ได้ของไปก่อน
นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก Naruebess Santideja ได้เผยให้เห็นอีกเรื่องราวดราม่าของตู้ปันสุข ที่เผยว่า เพื่อนของเขานั้น ตั้งตู้ปันสุขไว้เพราะอยากแบ่งปันของ เจ้าของตู้เองก็ตื่นเต้นที่จะรู้ว่า จะมีใครมาหยิบบ้าง แต่กลายเป็นว่า บางคนมาหยิบของหมดเลย หยิบไปเยอะ ๆ แต่เจ้าของตู้ก็คิดว่าไม่เป็นไร เราตั้งใจจะให้ก็คือให้ เขาจะหยิบอะไรไปก็เรื่องของเขา คนที่หยิบแต่พอดีก็มี
วันต่อมากลายเป็นว่าฝนตกหนัก เลยมีการเอาตู้มาไว้ในบ้าน แต่ยังมีป้ายเขียนเอาไว้ เจ้าของตู้เองไปทำธุระนอกบ้าน แต่พอกลับ แม่บ้านบอกว่า มีคนมาวนเวียนหน้าบ้านหลายรอบ ถามว่าเมื่อไรของจะมาเติม บางคนนั่งรถซาเล้งมาเอาของ 7-8 คน บางคนทนไม่ไหวก็กดกริ่งหน้าบ้านเรียก จนเจ้าของตู้ก็ต้องบอกให้แม่บ้านไปเก็บตู้ เดี๋ยวเจ้าของตู้จะกลับเอาตู้มาตั้งใหม่ แต่คนที่มารอ ก็ไม่ยอมกลับ นั่งรอหน้าบ้าน เจ้าของตู้จึงบอกให้แม่บ้านเก็บป้ายลง
จากนั้น พอเห็นว่ามาเสียเที่ยว คนที่มารอก็เกาะรั้วบ้านตะโกนด่าว่า จะติดป้ายทำไม มาแล้วไม่ได้ของ คนแก่ คนพิการก็มาด้วย จนเจ้าของตู้เองก็รู้สึกว่าไม่ดีแล้ว ที่ตั้งใจทำโปรเจกต์ดี ๆ แต่เจอคนมาเกาะรั้วบ้านตะโกนด่าแบบนี้
ทั้งนี้ โลกออนไลน์หลายคนเผยว่า แม้จะเจออุปสรรค ก็อยากให้ทำความดีต่อไป และหาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตู้ปันสุข ได้แบ่งปันความสุขจริง ๆ ในขณะที่อีกด้านหนึ่งบอกว่า คนที่มาเอาของแล้วเกาะรั้วบ้านตะโกนด่าก็เกินไป แบบนี้เจ้าของตู้ควรเอาความปลอกภัยของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :hilight.kapook, เฟซบุ๊ก Akarapong Wangphaisal , เฟซบุ๊ก Naruebess Santideja
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น